วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2566

โรคไบโพลาร์ bipolar disorder โรคอารมณ์สองขั้ว (BD)

 


โรค bipolar disorder โรคอารมณ์สองขั้ว

  เป็นหนึ่งใน 10 สาเหตุชั้นนำของความพิการทั่วโลก โรคไบโพลาร์มีลักษณะเฉพาะคืออาการคลุ้มคลั่ง

หรือภาวะ hypomania ที่เกิดขึ้นเรื้อรังสลับกับภาวะซึมเศร้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาวะซึมเศร้า

โดยทั่วไปจำเป็นต้องมีการประเมินค่าใหม่และการปรับเปลี่ยนการรักษาอย่างต่อเนื่องในระหว่างการดูแล

ผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ในระยะยาว อาจจำเป็นต้องมีการจัดการภาวะทางจิตเวชและโรคเรื้อรังร่วมด้วย





 เป็นโรคที่จัดอยู่ในกลุ่มโรคทางด้านเรื่องอารมณ์ กลุ่มเดียวกับโรคซึมเศร้า คือ โรคอารมณ์ที่ชัดเจน 

ที่มีอารมณ์เบื่อเศร้าจะเป็นอารมณ์สลับกันระหว่างสนุกสนานกับ ซึมเศร้า โรคนี้เรียกกได้อีกอย่างนึงว่า 

โรคอารมณ์แปรปรวน 


โรคไบโพล่าร์ (bipolar disorder) จะมีความผิดปรกติทางด้านอารมณ์อย่างชัดเจนแบบสุดขั่ว 2 ทางคือ

ไม่ซึมเศร้าก็อารมณ์ดีแบบผิดปรกติ โรคนี้มักเป็นกันตั้งแต่อายุน้อยๆ คือก่อนวัยกลางคนเสียด้วยซ้ำ

 อารมณ์ดีในลักษณะที่ผิดปกติ เรียกว่า mania  แบบซึมเศร้า (depression) 


อาการของอารมณ์ดีแบบผิดปรกติ mania คือ


- ร่าเริงแบบสุดๆมีพลังงานไม่หมด


- มีการแสดงออกและการคิดอ่านมากกว่าปกติ


- การแสดงออกทางอารมณ์ที่ขึงขันเวลาถูกขัดใจ


- หลงตัวเอง เชื่อมั่นหลงผิด เอาแต่ใจ มักคิดว่าตนเองเก่งที่สุดเชื่อมั่นในตัวเองสูงสุดโต่ง


- นอนน้อย ตื่นตัวอยู่เสมอ


- พูดเร็ว เสียงดัง พูดไม่หยุดปาก


- สมาธิสั้นจดจ่อกับเรื่องใดเรื่องนึงนานๆไม่ได้


- มีความต้องการทางเพศที่สูง




แบบซึมเศร้า (depression) 



- หงุดหงิด โกรธง่ายกว่าปกติ


- มองโลกในแง่ร้าย


- ซึมเศร้าไม่ร่าเริง หดหู่


- ขี้แย ร้องไห้ง่ายกับเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าต้องร้อง


- หมกหมุ่นกับเรื่องที่ค้างคาใจจนตัดสินใจไม่ได้ย้ำคิดกับตัวเองตลอดเวลา


- ไม่มีสังคม ไม่ชอบพบปะผู้คน ชอบอยู่คนเดียว


- ดูถูกตัวเอง มองว่าตัวเองไม่เด่นไม่มีประโยชน์แลดูไร้ค่า


- มีความคิดด้านลบต่อตัวเอง บางครั้งมีความคิดทำร้ายตัวเอง หรือฆ่าตัวตายด้วย



ปัจจุบันไม่ทราบสาเหตุของโรค BD แต่ดูเหมือนว่าจะเกิดจากการปฏิสัมพันธ์ของปัจจัยทางพันธุกรรม 

อีพีเจเนติก เคมีประสาท และสิ่งแวดล้อม 


การรักษา 


ผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ส่วนใหญ่จะต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีหรือตลอดชีวิต 

เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำและฟื้นฟู การรักษาที่มีประสิทธิผลในระยะเฉียบพลันมักจะดำเนินต่อไปตั้งแต่

เริ่มแรกเพื่อป้องกันการกำเริบของโรคตั้งแต่เนิ่นๆ 


ยาควบคุมอารมณ์และยารักษาโรคจิตที่ไม่ปกติเพียงอย่างเดียวหรือร่วมกันคือสิ่งสำคัญในการบำบัด

ด้วยเภสัชบำบัด องค์ประกอบที่สำคัญของการรักษาแบบบำรุงรักษายังรวมถึงการรับประทานยา

อย่างต่อเนื่อง การป้องกันและการรักษาโรคร่วมทางจิตเวชและทางการแพทย์เบื้องต้น และจิตบำบัด  

การเฝ้าระวังการฆ่าตัวตายเป็นสิ่งสำคัญตลอดขั้นตอนการรักษา


การวินิจฉัยแยกโรค


การวินิจฉัยแยกโรคของโรคไบโพลาร์รวมถึงอาการอื่นๆ ที่มีลักษณะเฉพาะ ได้แก่ ภาวะซึมเศร้า 

ความหุนหันพลันแล่น อารมณ์แปรปรวน ความวิตกกังวล ความผิดปกติทางสติปัญญา และโรคจิต 

การวินิจฉัยแยกโรคที่พบบ่อยที่สุดคือ MDD โรคจิตเภท โรควิตกกังวล ความผิดปกติของการใช้

สารเสพติด และในกลุ่มอายุในเด็ก โรคสมาธิสั้น


ผู้ป่วยโรคอารมณ์สองขั้วมีอายุขัยที่สั้น เมื่อเทียบกับประชากรทั่วไป ผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพจิต 

ความวิตกกังวลและโรคซึมเศร้า ความเสี่ยงเกือบสองเท่าของการเสียชีวิตจากโรคระบบไหลเวียน

โลหิต (หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง ฯลฯ) และความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากโรคระบบทาง

เดินหายใจ (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด ฯลฯ) 


มีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยความรุนแรงอื่นๆ 

บุคคลที่มีโรคไบโพลาร์แสดงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 

เนื่องจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการฆ่าตัวตายและโรคร่วมอื่นๆ รวมถึงสาเหตุของโรคหลอด

เลือดหัวใจ ระบบทางเดินหายใจ และต่อมไร้ท่อ


อาการซึมเศร้าบ่อยขึ้น และคุณภาพชีวิตลดลง ทำให้เกิดอาการทางอารมณ์บ่อยขึ้น และอัตราการ

ฆ่าตัวตาย ความผิดปกติเกี่ยวกับแอลกอฮอล์และการใช้สารเสพติดสูงขึ้น 


การป้องปราม เพิ่มความสม่ำเสมอในการใช้ยา และปรับปรุงทางเลือกในการดำเนินชีวิต ผู้ป่วยได้รับ

การสนับสนุนให้หลีกเลี่ยงสารกระตุ้น เช่น คาเฟอีน ลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามสุขอนามัยในการนอนหลับที่เหมาะสม

สนับสนุนให้เพิ่มความร่วมมือในการรักษา ถ่ายทอดความเห็นอกเห็นใจ ติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ 

การตัดสินใจร่วมกันของผู้ป่วยและผู้ให้บริการด้านสุขภาพไม่ว่าจะเป็นแพทย์ หรือผู้ที่คอยให้คำปรึกษา

 สภาพสังคม ชุมชน






วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2566

โฟบอส (Phobos) ดาวบริวารของดาวอังคาร

 


โฟบอส  ดาวบริวารของดาวอังคาร 


ดวงจันทร์โฟบอส เป็น 1 ใน 2 ดาวบริวารของดาวอังคาร เป็นบริวารดวงในสุดและมีขนาดใหญ่กว่า

ในบรรดาบริวารตามธรรมชาติของดาวอังคารสองดวง

อีกดวงหนึ่งคือ Deimos (ดีมอส หรือ ไดมอส) ดวงจันทร์ทั้งสองดวงถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2420 โดย 

Asaph Hall นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน โฟบอสชาวกรีก เทพเจ้าแห่งความกลัวและความตื่นตระหนก

ผู้เป็นบุตรของ Ares (Mars) และน้องชายฝาแฝดของ Deimos 


โฟบอส (Phobos)



โฟบอสโคจรที่ระยะห่างเฉลี่ย 2.77 รัศมีดาวอังคาร (9,400 กม.) จากแกนกลางของดาวอังคาร 

ซึ่งมากกว่าระยะห่างระหว่างโลกถึงแกนกลางของดวงจันทร์  (384,400 กม.) ถึง 41 เท่า โฟบอส

โคจรรอบดาวอังคารในเวลา 7 ชั่วโมง 39 นาที ขนาดของโฟบอสอยู่ที่ 26.8×22.4×18.4 กิโลเมตร

เนื่องจากมวลของมันมีขนาดเล็กมาก โฟบอสจึงไม่มีชั้นบรรยากาศ ความหนาแน่นเฉลี่ยของโฟบอส

ต่ำมาก 


โฟบอสกำลังเข้าใกล้ดาวอังคารอย่างช้าๆ ปัจจุบัน โฟบอสเข้าใกล้ดาวอังคาร 1.8 เมตรในแต่ละเดือน 

จากการประมาณการ โฟบอสน่าจะตกถึงดาวอังคารหลังจากผ่านไป 40 ถึง 50 ล้านปี หรือแตกออกเป็น

วงแหวนดาวเคราะห์ 



โฟบอสเป็นหนึ่งในวัตถุที่มีการสะท้อนแสงน้อยที่สุดในระบบสุริยะ ลักษณะพื้นผิวที่โดดเด่นคือแอ่ง

ขนาดใหญ่ Stickney ซึ่งกินพื้นที่ส่วนใหญ่ของพื้นผิวดวงจันทร์  โฟบอสอาจเป็นกองเศษหินหรืออิฐ

ที่เกาะตัวกันโดยเปลือกบางๆ จนไม่มีแรงดึงดูดใดๆ เลย


วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2566

จิ๋นซีฮ่องเต้ เพราะต้องอมตะ ถึงต้องตาย

 


จิ๋นซีฮ่องเต้ เพราะต้องอมตะ ถึงต้องตาย


เพราะอะไรถึงโปรยว่า เพราะต้องอมตะ ถึงต้องตาย เพราะว่า เมื่อจิ๋นซี สามารถจบยุค จ้านกว๋อ หรือ รณรัฐ 


ได้ทำการรวบรวมทหาร รวบรวมรัฐ แคว้นต่างๆ เข้ามาอยู่ในอำนาจตนได้สำเร็จ ตั้งตนเป็นเจ้า ฮ่องเต้


ปกครองแผ่นดินจีน ถือเป็นฮ่องเต้ หรือจักรพรรดิองค์แรกของจีน เพราะสามารถรวบรวมแผ่นดินจีนทั้งหมด


เป็นปึกแผ่นได้ ในการปกครองของราชวงศ์ฉิน 


จิ๋นซีฮ่องเต้



                   เมื่อจิ๋นซี ขึ้นเถลิงอำนาจได้สำเร็จ ก็จัดการปฏิรูปการเมือง และเศรษฐกิจ ของอาณาจักร 


บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รวบอำนาจการปกครองเข้าสู่ศูนย์กลาง เปลี่ยนหน่วยเงินตราให้เหมือนกัน


ทั่วประเทศ ก่อสร้างและปรับปรุงกำแพงทางเหนือ ซึ่งเรียกกันว่ากำแพงเมืองจีน เมื่อมีอำนาจ บารมี


 พระองค์จึงต้องการที่จะเป็นอมตะ จึงได้ส่งคนไปสืบหา สรรหา ยาอายุวัฒนะ 


ยาและสิ่งที่ทำให้เป็นอมตะ จนหมอหลวงได้คิดต้นยาได้ตัวนึง ซึ่งพระองค์ได้กินอยู่ตลอดเพื่อเป็น


ยาอายุวัฒนะ ยานั้นคือสารปรอท  การกินเข้าไปนานๆเข้าทำให้สารพิษตกค้างในร่างกายสะนมตลอดเวลา


นานเข้าจนทำให้เสียชีวิตลงระหว่างเดินทางตรวจว่าราชการ




วันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2566

ยุครณรัฐ ( จ้านกว๋อ )

 


ยุครณรัฐ ( จ้านกว๋อ )


ยุครณรัฐ ( จ้านกว๋อ )


ยุคสงครามระหว่างรัฐ ในยุคนั้น มีรัฐ 7 รัฐซึ่งรบรากันเพื่อชิงความเป็นใหญ่ เรียกกันว่า "จั้นกั๋วชี-สฺยง"


รัฐฉิน รัฐหาน รัฐเว่ย์ รัฐจ้าว รัฐฉี รัฐฉู่ รัฐเยียน 

ยุครณรัฐ ( จ้านกว๋อ )


ตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช ตั้งแต่ 481 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งท้ายที่สุดก็นำไปสู่ชัยชนะของ


รัฐฉินในปี 221 ปีก่อนคริสตกาลในฐานะอาณาจักรจีนที่รวมเป็นหนึ่งแห่งแรกภายใต้ราชวงศ์ฉิน 


โดย จิ๋นซีฮ่องเต้ ยุคสงครามระหว่างรัฐยังคาบเกี่ยวกับช่วงครึ่งหลังของยุคโจวตะวันออก ตรงกับ


เหตุการณ์ราชวงศ์ปลายสมัยโจวตะวันออก


ความเสื่อมโทรมของราชวงศ์โจวและการเสริมอำนาจเจ็ดรัฐที่ยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้น ทำสงครามอย่างต่อเนื่อง


นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่เกิดการพัฒนาสำนักคิดต่างๆ ซึ่งมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อประวัติศาสตร์จีน 


(ลัทธิขงจื๊อ ลัทธิเต๋า ลัทธิกฎหมาย ฯลฯ) ข้อความโบราณ สิ่งเหล่านี้บางส่วนมีความสำคัญที่สุด


ในอารยธรรมจีน ยุคสงครามสิ้นสุดลงในปีที่ 26 ของจิ๋นซีฮ่องเต้ (221 ปีก่อนคริสตกาล) เมื่อฉินรวม


ที่ราบภาคกลางเป็นปึกแผ่น นักประวัติศาสตร์ยุคหลังแบ่งช่วงครึ่งแรกของราชวงศ์โจวตะวันออก


เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง และช่วงครึ่งหลังเป็นช่วงสงครามระหว่างรัฐ รัฐต่างๆ ต่อสู้กัน


อย่างไม่จบสิ้น คนรุ่นหลังจึงเรียกว่า "รัฐสงคราม"(ยุครณรัฐ) ในช่วงสงครามรัฐมีการเปลี่ยนแปลง


ทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และเทคโนโลยีขนานใหญ่ เช่น ระบบมณฑล 


ระบบที่ดินส่วนบุคคล การใช้เหล็ก อย่างแพร่หลาย และการเผยแพร่ความรู้ เพื่อให้ได้ที่ดิน ความมั่งคั่ง


ปรัชญาต่างๆ พัฒนาเป็นสำนักแห่งความคิดร้อยสำนัก รวมทั้งลัทธิขงจื๊อ ลัทธิเต๋า ลัทธิกฎหมาย 


กองทัพส่วนใหญ่ในยุครัฐสงครามใช้ทหารราบและทหารม้าร่วมกัน และรถรบค่อยๆ เลิกใช้ไป 


ซึ่งถึงจุดสูงสุดในชัยชนะคือราชวงศ์ฉิน ของจิ๋นซีฮ่องเต้ อาณาจักรฉินลงเอยด้วยการพิชิตทุกรัฐ


เมื่อสิ้นสุดยุคนั้น ทำให้จีนรวมเป็นปึกแผ่นภายใต้ราชวงศ์ฉิน